เรื่องจริงที่เกิดขึ้นทุกวัน

ไม่มีเงินดาวน์จะซื้อคอนโดแบบฟรีดาวน์
ได้ไหม?
เรื่องจริงที่หลายคนไม่รู้

เรื่องจริงของน้องมิ้งและคนอื่นๆ ที่เคยติดกับดัก "ฟรีดาวน์" เรียนรู้ทางเลือกที่ดีกว่าเมื่อไม่มีเงินดาวน์

น้องมิ้ง วัย 26 ปี พนักงานออฟฟิศเงินเดือน 35,000 บาทเพิ่งเริ่มทำงานได้ 2 ปี เก็บเงินในบัญชียังไม่ถึง 100,000 บาท

วันนั้นเธอเห็นโฆษณาคอนโดแห่งหนึ่งเขียนว่า "ฟรีดาวน์ 100% ไม่ต้องเสียเงินดาวน์แม้แต่บาทเดียว"

ใจเธอเต้นแรง คิดในใจว่า "ใช่แล้ว! นี่แหละที่ฉันรอ ไม่ต้องมีเงินดาวน์ก็ซื้อคอนโดได้"

เธอรีบขับรถไปดูโครงการทันที

วันที่ฝันสลาย: เมื่อ "ฟรี" กลายเป็น "แพงขึ้น"

พอไปถึงโครงการ เซลส์สาวน้อยใส่ยิ้มหวานต้อนรับ อธิบายห้องต่างๆ อย่างกระตือรือร้น

แต่พอมาถึงเรื่องราคา... ความจริงที่น่าตกใจก็เริ่มเผยออกมา

"คือ คอนโดยูนิตนี้ราคาปกติ 2.5 ล้าน แต่สำหรับแพ็กเกจฟรีดาวน์นะคะ จะเป็น 3.2 ล้าน ลูกค้าจ่ายเพิ่มขึ้น 700,000 บาท แต่ไม่ต้องเสียเงินดาวน์เลยค่ะ"

น้องมิ้งงงไป "แล้วนี่คือฟรีเหรอ? เราจ่ายเพิ่มถึง 7 แสนกว่าบาท!"

เซลส์อธิบายต่อ: "อ๋อ ที่เพิ่มขึ้นเพราะต้องเพิ่มค่าส่วนกลางแล้วก็ค่าใช้จ่ายต่างๆ นะคะ แต่ลูกค้าไม่ต้องมีเงินสดเลย สะดวกมากเลยค่ะ"

ความจริงที่ซ่อนอยู่หลัง "ฟรีดาวน์"

หลังจากกลับมาบ้าน น้องมิ้งนั่งคำนวณใหม่อีกครั้ง พบว่า:

แพ็กเกจปกติ (เงินดาวน์ 20%)

  • ราคาคอนโด: 2,500,000 บาท
  • เงินดาวน์: 500,000 บาท (20%)
  • เงินกู้: 2,000,000 บาท
  • ค่าผ่อนต่อเดือน: ประมาณ 12,500 บาท

แพ็กเกจ "ฟรีดาวน์"

  • ราคาคอนโด: 3,200,000 บาท (+700,000)
  • เงินดาวน์: 0 บาท
  • เงินกู้: 3,200,000 บาท
  • ค่าผ่อนต่อเดือน: ประมาณ 20,000 บาท

ผลต่าง: ผ่อนเดือนละมากขึ้น 7,500 บาท หรือ 90,000 บาทต่อปี!

3 กรณีจริงของคนที่ติดกับดัก "ฟรีดาวน์"

กรณีที่ 1: พี่ตอง (29 ปี)

เขาเซ็นสัญญาฟรีดาวน์ไป แต่หลังจากผ่อน 6 เดือน รายได้ลดลง ผ่อนไม่ไหว ต้องขายขาดทุน

"ตอนนั้นคิดว่าได้เปรียบ ไม่ต้องมีเงินลงทุน แต่พอผ่อนไปสักพัก เหนื่อยมาก เงินเดือนหมดไปกับการผ่อนบ้านแทบหมด"

กรณีที่ 2: คุณอ้อม (33 ปี)

เธอคิดว่าประหยัดเงินดาวน์ได้ แต่สุดท้ายพบว่าจ่ายดอกเบียเพิ่มขึ้นรวมแล้วมากกว่าเงินดาวน์เดิมถึง 2 เท่า

"20 ปีที่ผ่อน เราจ่ายไปทั้งหมด 4.8 ล้าน แทนที่จะจ่าย 3 ล้าน สูญเปล่า 1.8 ล้าน"

กรณีที่ 3: น้องเบส (25 ปี)

หลังเซ็นสัญญาไป 1 ปี อยากขายต่อ แต่พบว่าราคาตลาดยังอยู่ที่ 2.5 ล้าน ในขณะที่เขาติดหนี้ 3.2 ล้าน

"อยากขายแต่ขายไม่ได้ เพราะราคาที่เซ็นไว้สูงกว่าราคาตลาด ใครจะซื้อ 3.2 ล้าน ทั้งที่ยูนิตเดียวกันขายกันแค่ 2.5 ล้าน"

จุดเปลี่ยนสำคัญ: เมื่อน้องมิ้งค้นพบความจริง

น้องมิ้งเริ่มสงสัยในตัวเอง พอดีเพื่อนแนะนำให้ใช้เครื่องมือ คำนวณสินเชื่อคอนโด เพื่อเช็กความสามารถในการผ่อนที่แท้จริง

ผลที่ออกมาทำให้เธอตกใจ:

  • DTI ปกติ: 42% (ผ่อนได้สบาย)
  • DTI แพ็กเกจฟรีดาวน์: 68% (เสี่ยงมาก)

เธอเริ่มเข้าใจว่า "ฟรีดาวน์ไม่ใช่ฟรี แต่เป็นการเลื่อนการจ่ายเงินออกไปเป็นดอกเบียมากขึ้น"

ทางเลือกที่ดีกว่า: วิธีซื้อคอนโดเมื่อเงินดาวน์ไม่พอ

หลังจากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม น้องมิ้งพบว่ามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า:

1. โปรแกรมรัฐบาล

  • บ้านใครใคร: ดาวน์เพียง 5%
  • บ้านพักแรม: สำหรับข้าราชการ

2. ขอความช่วยเหลือจากผู้ปกครอง

  • ผู้ค้ำประกัน: ลดเงินดาวน์ลงได้
  • ยืมเงินดาวน์: จากครอบครัว (ไม่มีดอกเบียย์)

3. เก็บเงินดาวน์ให้ครบก่อน

  • เป้าหมายชัดเจน: 1-2 ปี เก็บเงิน 500,000 บาท
  • ฝากประจำพิเศษ: ได้ดอกเบียช่วยเก็บเงิน

4. เช่าซื้อ (Rent-to-Own)

  • จ่ายค่าเช่าสะสม: เป็นเงินดาวน์ในอนาคต
  • ความยืดหยุ่น: ถ้าไม่ไหวสามารถเลิกได้

ความสำเร็จของน้องมิ้ง: แผนใหม่ที่ใช้ได้จริง

น้องมิ้งตัดสินใจเลิกคิดเรื่องฟรีดาวน์ แต่วางแผนใหม่:

แผนการเงิน 3 ปี:

  • ปีที่ 1-2: เก็บเงินดาวน์ 500,000 บาท (เดือนละ 20,000 บาท)
  • ปีที่ 3: ซื้อคอนโดราคา 2.5 ล้าน ด้วยเงินดาวน์จริง
"ตอนแรกคิดว่าการรอ 2 ปีนานไป แต่พอคำนวณดู รอ 2 ปีแล้วซื้อแบบปกติ ประหยัดได้มากกว่า 20 ปีที่ต้องผ่อนเยอะขึ้น"

หลังจาก 18 เดือน เธอเก็บเงินได้ครบ ซื้อคอนโดในราคาที่เหมาะสม และผ่อนในอัตราที่สบาย

บทเรียนสำคัญที่ทีม CheckCredit อยากแบ่งปัน

จากประสบการณ์ที่เรามีโอกาสช่วยเหลือลูกค้าหลายร้อยราย เรารู้ดีว่า:

"ฟรีดาวน์" คืออะไร?

  • • เป็นการตั้งราขายเพิ่มขึ้น เพื่อปกปิดเงินดาวน์
  • • ราคาที่เพิ่มขึ้นมักสูงกว่าเงินดาวน์เดิม 20-40%
  • • คุณจ่ายดอกเบียสำหรับเงินดาวน์เป็นเวลา 20-30 ปี

เงินขั้นต่ำที่ต้องมีจริงๆ (นอกจากเงินดาวน์)

  • ค่าธรรมเนียมธนาคาร: 30,000-50,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา + อากรแสตมป์: 20,000-30,000 บาท
  • ค่าขนย้าย + ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น: 30,000-50,000 บาท
  • รวมขั้นต่ำ: 80,000-130,000 บาท

เมื่อไหร่ที่ "เงินดาวน์น้อย" คุ้ม?

  • • เมื่ออัตราดอกเบียพิเศษต่ำกว่าปกติจริงๆ
  • • เมื่อมีการรับประกันราคาขายคืน
  • • เมื่อรายได้มั่นคงและมีแผนชำระเงินก้อนเพิ่ม

สิ่งที่คุณควรทำก่อนตัดสินใจ

1. ใช้เครื่องมือคำนวณ: ตรวจสอบกำลังการผ่อนจริง ดูว่า DTI อยู่ในระดับปลอดภัยหรือไม่

2. เปรียบเทียบต้นทุนรวม: คำนวณเงินที่ต้องจ่ายทั้งหมด 20-30 ปี ไม่ใช่แค่ค่าผ่อนรายเดือน

3. ศึกษาทางเลือกอื่น: โปรแกรมรัฐบาล, การขอความช่วยเหลือครอบครัว, หรือการรอเก็บเงินให้ครบ

4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: อย่าตัดสินใจจากการฟังเซลส์เพียงอย่างเดียว

ข้อความสุดท้าย: ความจริงที่ต้องรับฟัง

การซื้อบ้านเป็นการลงทุนใหญ่ที่สุดในชีวิต การตัดสินใจผิดพลาดหนึ่งครั้ง อาจส่งผลกระทบไปทั้งชีวิต

"ฟรีดาวน์" ไม่ใช่คำตอบของคนที่ไม่มีเงินดาวน์ แต่เป็นกับดักที่ทำให้คุณจ่ายมากขึ้นในระยะยาว

แทนที่จะหาทางลัด ลองหาทางที่ถูกต้อง เก็บเงินให้พอ วางแผนให้ดี และตรวจสอบความพร้อมทางการเงินอย่างรอบคอบ

เพราะบ้านที่เราซื้อด้วยความมั่นคง จะให้ความสุขที่แท้จริงกว่าบ้านที่ซื้อด้วยความเสี่ยง

ชาญชัย อั๊ลการีมี

ชาญชัย อั๊ลการีมี

ผู้พัฒนาระบบ CheckCredit

ผมพัฒนาแพลตฟอร์มประเมินเครดิตอัจฉริยะที่น่าเชื่อถือ และมีความแม่นยำสูงนี้ขึ้นมา เพื่อช่วยให้คุณรู้โอกาสการได้รับอนุมัติสินเชื่อล่วงหน้า แพลตฟอร์มประเมินเครดิตอัจฉริยะของคนไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง

5 ขั้นตอนเช็กเครดิตก่อนซื้อคอนโด จากประสบการณ์จริง

เรื่องราวของน้องแพท ที่เปลี่ยนจากถูกปฏิเสธสินเชื่อ เป็นได้รับอนุมัติเงินกู้ภายใน 3 เดือน พร้อมวิธีการที่ใช้ได้จริง

เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนยื่นกู้ →

คำนวณวงเงินกู้คอนโดออนไลน์ เรื่องจริงที่เปลี่ยนชีวิต

ประสบการณ์ของคุณเป้ย ที่ใช้เครื่องมือคำนวณออนไลน์ ช่วยวางแผนการเงินได้อย่างแม่นยำ จนสำเร็จซื้อคอนโดในฝัน

คำนวณวงเงินได้แม่นยำ 100% →

เช็กเครดิตก่อนซื้อคอนโดในกรุงเทพ - เรื่องจริงที่จะช่วยให้คุณไม่ผิดหวัง

ทำความเข้าใจ DTI อย่างถูกต้อง พร้อมเทคนิคการปรับปรุงอัตราส่วนให้ผ่านเกณฑ์ของธนาคาร จากประสบการณ์จริงของผู้เชี่ยวชาญ

เข้าใจ DTI ให้ถูกต้อง 100% →